สร้างฝายชะลอน้ำ (Check Dam) แล้วได้ประโยชน์อย่างไร

สืบเนื่องจาก วิทยาเขตกาญจนบุรี มหาวิทยาลัยมหิดล แต่เดิมได้ประสบปัญหาการพังทลายของหน้าดินเนื่องจากการชะล้างของฝนและปัญหากระแสน้ำจากพื้นที่ของวิทยาเขตกาญจนบุรีในช่วงฤดูฝนได้ไหลท่วมเข้าสู่อำเภอไทรโยค เนื่องจากภูมิประเทศสถานที่ตั้งของวิทยาเขตกาญจนบุรีมีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร โดย ร้อยละ 90 ของพื้นที่เป็นพื้นที่ป่า ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขาสลับกับภูเขาสูงในบางส่วน ทำให้เกิดภาวะการพังทลายของชั้นดินค่อนข้างสูงในฤดูฝนและได้ไหลลงสู่บริเวณพื้นที่ของอำเภอไทรโยค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่างติดกับแม่น้ำแควน้อย ในทุกๆ ปี ปัญหาจากกระแสน้ำที่กัดเซาะหน้าดินในช่วงฤดูฝนได้พัดพาตะกอนดินร่วมถึงเศษพืชต่างๆ ไหลเข้าท่วมบริเวณที่ตั้งสถานที่ราชการ บ้านเรือนประชาชน และได้ไหลลงสู่แม่น้ำ ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนของชุมชนโดยรอบร่วมถึงการตื้นเขินของแม่น้ำแควน้อย

ในปี 2553 วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้มีความร่วมมือกับ SCGP โรงงานวังศาลา ซึ่งได้เข้ามาศึกษาและสำรวจการพังทลายของชั้นดินบริเวณวิทยาเขตกาญจนบุรี เพื่อร่วมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยเห็นควรให้มีการจัดสร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ของวิทยาเขตกาญจนบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้วิทยาเขตกาญจนบุรีจึงได้มีความร่วมมือกับทาง SCGP โรงงานวังศาลา และทุกภาคส่วนในอำเภอไทรโยค ในการเริ่มสร้างฝายชะลอน้ำขึ้นในพื้นที่ของวิทยาเขตกาญจนบุรี มาเป็นลำดับในทุกปี ตำแหน่งฝายที่มีการร่วมมือในการสร้างระหว่างมหาวิทยาลัยมหิดลวิทยาเขตกาญจนบุรี กับ SCGP โรงงานวังศาลา แสดงดังรูปด้านล่าง โดย ณ ปัจจุบัน มีฝายชะลอน้ำทั้งหมดจำนวน 427 ฝาย วัตถุประสงค์หลักของการสร้างฝายในพื้นที่มิได้เพื่อการกักเก็บน้ำเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นเขาหินปูน มีรูพรุนใต้พื้นดินเป็นจำนวนมากไม่สามารถเก็บน้ำได้ แต่การสร้างต้องการชะลอน้ำเพื่อลดความรุนแรงของน้ำไหลบ่าหน้าดินเพื่อไม้ให้สูญเสียหน้าดิน อีกทั้งยังต้องการให้พื้นป่ามีความชุ่มชื้นที่ยาวนานขึ้นจากฝายชะลอน้ำ โดยส่วนใหญ่ฝายชะลอน้ำสร้างจากวัสดุธรรมชาติ เช่น เศษไม้ ปลายไม้ หิน สามารถย่อยสลายไปตามธรรมชาติได้ และไม่ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ ภายใน 1 ปี ฝายเหล่านี้ก็ผุพังสลายไป ทิ้งไว้แค่ ดินที่ไม่ถูกชะล้าง เมล็ดไม้ และเศษซากพืชที่ไหลมากับกระแสน้ำ อีกทั้งบริเวณที่สร้างไม่ใช่แหล่งน้ำแต่อย่างใด ไม่ส่งผลต่อการรบกวนระบบนิเวศแหล่งน้ำ

...

ภาพที่ 1 ตำแหน่งของการสร้างฝายภายในมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี
(อ้างอิง ภาพจากการนำเสนอของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธรรมรัตน์ พุทธไทย จากการรายงานผลการวิจัย)

นอกจากนี้ SCGP โรงงานวังศาลา ได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยเพื่อดำเนินโครงการตรวจติดตามตรวจสอบทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ฝายอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยการศึกษาสังคมพืชพื้นล่างบริเวณแนวการสร้างฝายชะลอน้ำ การศึกษาฝายและการใช้ประโยชน์จากฝายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับและใช้เป็นแหล่งน้ำของสัตว์ป่าจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก (small mammals) และสัตว์ในกลุ่มนก (avian group) และการศึกษาการรับรู้ ของผลพลอยได้ทางตรงและทางอ้อมของชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่การสร้างฝายชะลอน้ำ ทั้งนี้ผลที่ได้จากงานวิจัยดังกล่าวยังช่วยสนับสนุนแนวคิดในการแก้ไขปัญหาของวิทยาเขตกาญจนบุรีได้เป็นระบบและรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยปัญหาที่เคยประสบในทุกปีของกระแสน้ำที่ไหลจากพื้นที่ของวิทยาเขตกาญจนบุรีที่เข้าท่วมพื้นที่ของอำเภอไทรโยค และได้สร้างความเดือดร้อนในกับชุมชนได้เริ่มลดน้อยลงในทุก ๆปี เป็นต้นมา นับแต่ได้มีการสร้างฝายชะลอน้ำขึ้นในพื้นที่ของวิทยาเขตดังกล่าว

ณ ปัจจุบัน วิทยาเขตกาญจนบุรียังคงตระหนักถึงความสำคัญในความรับผิดชอบที่มีต่อชุมชนและสังคมโดยรอบ ทำให้มีการดำเนินการจัดสร้างฝายชะลอน้ำและซ่อมแซมให้มีความคงสภาพในการใช้งานในทุกปี เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมของวิทยาเขตกาญจนบุรีสืบไป